วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ประกาศผลบอลชุดขาวผงาดขึ้นรับเงินรายได้สูงสุดในโลก,เฮนโด้ vs คอสต้า

หวิดมีมวย เฮนโด้ vs คอสต้า เกือบไฝว้กันหลังเกม



border=0



ล่าสุดแข้งโปรแกรมบอล ฝ่ายหงส์แดง - กลุ่มสิงห์บลู  ได้มีเรื่องกันหลังจบเกมแคปิตอล วัน คัพ ตราบวันอังคารที่ตัดผ่าน เพราะว่าได้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน จนเกือบวางมวย ซึ่งเชื่อว่าเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ดีเอโก้ คอสต้า ที่เถียงกันมาตั้งแต่ในเกม

หลังจากที่ เดอะ การ์เดี้ยน ที่เป็นสื่อดังแดนผู้ดีได้วิเคราะห์ผลบอลแฉ เกมจบอารมณ์ไม่จบ จนกระทั่งนักเตะ คณะหงส์แดง ลิเวอร์พูล ด้วยกัน เหล่าสิงห์บลูส์ เชลซี    ซึ่งเป็น 2 หมู่ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่ามีเรื่องทะเลาะกันหลังจบเกม ศึกแคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ณ สนามแอนฟิลด์ ที่เสมอกันไปผลบอล 1 - 1 ขณะคืนวันอังคารที่เปลี่ยนมา

ทั้งนี้ ได้คาดกันว่านักเตะคู่กรณีน่าจักเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเป็นรองกัปตันหมู่เจ้าบ้าน กับ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกเเอิกเกริกดร้อนของคณะเยือน เพราะว่าทั้งคู่มีปากเสียงกันตั้งแต่จังหวะในเกมแล้ว ซึ่งขณะทั้งคู่เดินเข้าอุโมงค์สู่ห้องแต่งตัว ก็ยังไม่ลดราวาศอก จนถึงขั้นผลักอกเตรียมวางมวยกัน แต่ยังดีที่ถูกแยกออกจากกันก่อนจะมีการ ปลงหมัด เพราะว่าบรรดาสตาฟฟ์โค้ชด้วยกันเพื่อนร่วมหมู่ของทั้งคู่

เพราะตารางบอลที่ชนวนขัดแย้งเริ่มต้นมาจากที่ เชส ฟาเบรกาส กองกลางตัวเก่งของ เชลซี พยายามขวางการเล่นฟรีคิกเร็วของ เฮนเดอร์สัน ก่อนที่ คอสต้า กับมิดฟิลด์หงส์แดง จักมีการโต้คารมพร้อมด้วยผลักอกกันเล็กน้อยนั่นเอง


ในรอบ 10 ปีติด! ชุดขาวผงาดขึ้นรับรายได้สูงสุดในโลกตามคาด





กรุ๊ปราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในลาลีกา ซิวตำแหน่งสโมสรฟุตบอลที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2015

ซึ่งทันทีที่ทำรายได้เข้าสโมสรได้ถึง 549.5 ล้านยูโร ซึ่งสูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน ส่วนอันดับสอง ตามมาห่างๆ คือ ทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเงินพุ่งจากปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็น 518 ล้านยูโร

เพราะว่าทาง เดลอยท์ ฟุตบอล มันนี่ ลีก หรือไม่ Deloitte Football Money League ได้พูดการจัดอันดับสโมสรที่ทำรายได้สูงที่สุดประจำปี 2015 ปรากฎว่า แชมป์ทำเงินมากสุดก็คือ ฝ่ายราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน เท่าที่ทำรายได้เป็นจำนวนเงินถึง 549.5 ล้านยูโร หรือไม่ 20,755 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน




ซึงลำดับต่อมาเป็น คณะผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมู่ดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับสองปีนี้ จากเดิมปีที่แล้ว 2014 อยู่ที่สี่เท่านั้น จากตัวเลขก่อนหน้า 423.8 ล้านยูโร เหรอ 16,000 ล้านบาท ทะยานเป็น 518 ล้านยูโร หรือไม่ก็ 19,565 ล้านบาท

ในอันดับ 3 ตกเป็นของ คณะเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดพวกแห่งบุนเดสลีก้า เยอรมัน มีรายได้อยู่ที่ 487.5 ล้านยูโร ไม่ใช่หรือ 18,400 ล้านบาท

อันดับที่ 4 หมู่บาร์เซโลน่า ร่วงจากที่สองปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 4 กวาดไป 484.6 ล้านยูโร เหรอ 18,300 ล้านบาท

ในอันดับ 5 นั้นยังคงที่ เป็น เหล่าปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีรายได้ 474.2 ล้านยูโร หรือไม่ 17,900 ล้านบาท

เพราะอันดับที่ 6 - 20 ประกอบไปด้วยฝ่ายดังมากมาย ดังนี้

  6. คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 346.5 ล้านปอนด์ ใช่ไหม 18,018 ล้านบาท
  7. ฝ่ายเชลซี พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 324.4 ล้านปอนด์ หรือ 16,868.8 ล้านบาท
  8. พวกอาร์เซน่อล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 300.5 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 15,626 ล้านบาท
  9. กรุ๊ปลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 255.8 ล้านปอนด์ หรือไม่ก็ 13,301.6 ล้านบาท
10. กลุ่มยูเวนตุส ลีกอิตาลี - 233.6 ล้านปอนด์ หรือไม่ 12,147.2 ล้านบาท
11. คณะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลีกเยอรมัน - 218.7 หรือไม่ 11,372.4 ล้านบาท
12. เหล่าเอซี มิลาน ลีกอิตาลี - 208.8 ไม่ใช่หรือ 10,857.6 ล้านบาท
13. หมู่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 180.5 เหรอ 9,386 ล้านบาท
14. คณะชาลเก้ 04 ลีกเยอรมัน - 178.9 หรือไม่ก็ 9,302.8 ล้านบาท
15. ทีมแอตเลติโก มาดริด ลีกสเปน - 142.1 หรือ 7,389.2 ล้านบาท
16. กรุ๊ปนาโปลี ลีกอิตาลี - 137.8 หรือไม่ก็ 7,165.6 ล้านบาท
17. กลุ่มอินเตอร์ มิลาน ลีกอิตาลี - 137.1 ไม่ก็ 7,129.2 ล้านบาท
18. กรุ๊ปกาลาตาซาราย ลีกตุรกี - 135.4 หรือไม่ก็ 7,040.8 ล้านบาท
19. หมู่นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 129.7 เหรอ 6,744.4 ล้านบาท
20. กรุ๊ปเอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 120.5 หรือว่า 6,266 ล้านบาท





วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ข่าวสารฟุตบอล: ทิวทัศน์หล่นชุดประชันสด ทีมผี - กรุ๊ปหงส์ ซีซั่นใบหน้า

เป็นยังไงกันมั่ง ภาพหลุดชุดแข่งใหม่ คณะผี - กรุ๊ปหงส์ ซีซั่นหน้า





ทางแฟนบอลจะว่ายังไงบ้าง? ที่ทันทีที่จู่ ๆ ก็มีมือดี ปล่อยภาพหลุดชุดแข่งใหม่ของพวกที่จะใช้ในฤดูกาลใหม่ โดยภาพที่ ให้ความเป็นไทมา เป็นภาพชุดแข่งของ หมู่ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยกัน พวกหงส์แดง ลิเวอร์พูล 2 ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

ซึ่งวิเคราะห์ผลบอลทางฝั่ง เหล่าผีแดง ในชุดเป็นชุดฝ่ายเหย้าสีแดงเป็นหลักตามธรรมเนียม ออกแบบโดย Adidas มีลักษณะเป็นคอวี พร้อมมีแถบสีขาว 3 เส้นพาดอยู่ตรงบริเวณหัวไหล่ ตรงปลายแขนเสื้อใช้เป็นสีขาวสลับแดง ส่วนด้านข้างลำตัวออกแบบให้มีลวดลายตาข่ายเพื่อใช้ระบายความร้อน พร้อมโลโก้ เชฟโรเล็ต บริษัทผลิตรถยนต์ระดับโลก ที่เป็นเป็นสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อ




ทางส่วน คณะหงส์แดง นั้นหนักยิ่งกว่า จนกระทั่งมีภาพหลุดตารางบอลออกมาครบทั้ง ชุดเหย้า พร้อมกับ ชุดเยือนในเว็บไซต์ ฟุตตี้ เฮดไลน์ส เพราะชุดเหย้านั้นจะยังคงเป็นสีแดง ออกแบบโดย นิว บาลานซ์ พร้อมกับใส่ลายตารางหมากรุกไว้ในเสื้อด้วย ขณะที่ชุดเยือนจักเป็นชุดสีขาว ส่วนชุดแข่งสีดำจักเป็นชุดแบบที่ 3 พร้อมกับคาดว่า ชุดแข่งของลิเวอร์พูลน่าจักตั้งต้นวางขายตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้




พร้อมกับเกี่ยวกับเว็ปไซต์ ฟุตตี้ เฮดไลน์ส นั้น ถือเป็นเว็บไซต์ที่ขึ้นชื่อในการเปิดเปิดเผยภาพชุดแข่งออกมาก่อนกำหนด ซึ่งที่ลอดมาส่วนมากมันจะถูกต้องเสียด้วย

ติดตามชม ไฮไลท์ฟุตบอล โปรแกรมบอล ผลบอล เพิ่มเติมได้ที่ http://event.sanook.com/football/

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

ปัจจุบันสื่อฟุตบอลอย่างกับจัด 11 แข้งเลื่องลือ ไม่เคยชินจังหวะแชมป์พรีเมียร์ลีก

ล่าสุดสื่อดังจัด 11 แข้งดัง ไม่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก





ครั้งเดลี่ เมล์ Daily Mail ได้แท็บลอยด์หัวดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้จัด 11 นักเตะที่อยู่ในหัวอกเดียวกัน ด้วยระบบฝ่าย 3-5-2 ที่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีก อังกฤษแม้แต่ครั้งเดียว

ซึ่งนำมาโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตัน ฝ่ายลิเวอร์พูล ที่เตรียมอำลาสังเวียน หลังจบฤดูกาล 2014 - 2015 ด้วยกันอีก 10 ราย อาทิเช่น เพื่อนเก่าอย่าง แบรด ฟรีเดล นายทวารชาวอเมริกัน พร้อมทั้ง เจมี คาร์ราเกอร์ รวมถึง แกเร็ธ เบล แข้งค่าตัวแพงสุดในโลกด้วย

พร้อมด้วยส่วนที่เหร่ำลือจักเป็นใครกันบ้าง เราลองไปชมกันเลย

รายชื่อ 11 นักเตะดังที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ




1.แบรด ฟรีเดล ตำแหน่งผู้รักษาประตู

ผู้ที่สร้างสถิติเฝ้าเสาติดต่อกันนานสุด 310 เกม ของ ศึกพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2004 ถึง เดือนตุลาคม ปี 2012 ถึงแม้จะเป็นนายทวารฝีมือดีคนหนึ่งของเกาะอังกฤษ ทว่าตลอดระยะเวลา 17 ปี กับ

  1. เหล่าลิเวอร์พูล
  2. ฝ่ายแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส
  3. หมู่แอสตัน วิลลา 
  4. เหล่าท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 

ด้วยกันด้วยอายุอานามล่วงเลยมาถึง 43 ปี ก็ยังไม่เคยสัมผัสโทรฟี ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เลย





2.เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำแหน่งกองหลัง

หลังจากวิเคราะห์ผลบอลที่ได้สวมบทผู้แชร์ความเจ็บปวดกับ เจอร์ราร์ด คว้าแชมป์ร่วมกันมาทั้ง

  1. ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
  2. ยูฟ่า คัพ หรือไม่ก็ ยูโรป้าลีก ในปัจจุบัน 
  3. ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
  4. เอฟเอ คัพ 2 ระยะเวลา 
  5. แคปิตอล วัน คัพ 3 สมัย 
  6. คอมมูนิตี้ ชิลด์ 


ซึ่งยกเว้น พรีเมียร์ลีก ตลอดระยะเวลา 17 ปี ตัวของคาร์ร่า จัดเป็นกองหลังที่ผลงานคงเส้นคงวามากสุดๆ คนหนึ่งของวงการลูกหนัง





3.มาร์เซล เดอไซญี่ ตำแหน่งกองหลัง

เขานั้นเป็นหนึ่งในสุดยอดเซ็นเตอร์แบ็กระดับโลก รับใช้ ทีมเชลซี มานาน 6 ปี สัมผัสเกียรติยศสูงสุดทั้งแชมป์ ฟุตบอลโลก กับ ศึกยูโร กับ ฝ่ายชาติฝรั่งเศส แต่ว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรกับยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน คว้าแชมป์ระดับสโมสรเพียง

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ยูฟา ซูเปอร์คัพ 
  3. แชริตี ชิลด์ 


นอกเหนือจากแชมป์ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย กับ กลุ่มโอลิมปิก มาร์กเซย พร้อมด้วย เหล่าเอซี มิลาน






4.เลดลี่ย์ คิง ตำแหน่งกองหลัง

ซึ่งสมมตจะเทียบความศักยกันแล้ว เพราะว่า คิง จัดเป็นกองหลังระดับหัวแถวของเกาะอังกฤษ แต่เจอปัญถ้าารบาดเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้ชีวิตการค้าแข้งไม่ราบรื่นนัก เคยถูก แฮร์รี เรดแนปป์ อดีตเจ้านาย ยกย่องในฐานะนักเตะมหัศจรรย์ เพราะว่าไม่สมรรถเตะบอลเต็มแรงระหว่างการซ้อม กับลงสนาม 1 เกมต่อสัปดาห์ ทว่ายังคงเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ ทีมท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พากรุ๊ปคว้าแชมป์ ลีก คัพ ปี 2009 แทบใบเดียว ตลอดระยะเวลา 13 ปี





5.ดาวิด ชิโนล่า ตำแหน่งปีก

เขาก็เป็นกำลังสำคัญของ กลุ่มนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเคยกุมความได้เปรียบเหนือ กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 แต้ม ฤดูกาล 1995-96 แต่กลับปิดซีซันพ่าย กลุ่มของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เท่า 4 แต้ม




6.สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำแหน่งกองกลาง

ขึ้นทำเนียบนักเตะดีสุดที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ทำได้ใกล้เคียงสุดครั้งฤดูกาลที่แล้ว ด้วยกันถูกหลอกหลอนจังหวะลื่นล้ม เกมพ่าย เชลซี คาบ้าน 0-2 เป็นเหตุให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี แซงเข้าวิน ด้วยช่องว่างเท่า 2 แต้ม





7.แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำแหน่งกองกลาง

เขานั้นไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือตลอด ถึงแม้โดดเด่นจากทักษะ พร้อมด้วยการซัลโวประตูสุดสวยกับ เซาแธมป์ตัน ซึ่งไม่เคยหยิบยื่นโอกาสประสบความสำเร็จรายการใดๆ เลย แต่ก็ถือเป็นกองกลางที่มีฝีเท้าฉกาจคนหนึ่งในเกาะอังกฤษ




8.เชส ฟาเบรกาส ตำแหน่งกองกลาง

ภายหลังที่ได้ลงเล่นโปรแกรมบอลเกม ลีก คัพ ฤดูกาล 2003 - 2004 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ เหล่าอาร์เซนอล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่มีชื่อติดฝ่ายชุดใหญ่ จึงไม่ได้รับเหรียญชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม แต่เจ้าตัว มีสิทธิ์ทำสำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ เชลซี ในซีซันนี้




9.แกเร็ธ เบล ตำแหน่งปีก

ภายหลังที่ได้อำลาจากถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยค่าจ้างอันเป็นสถิติสูงสุดของโลก 86 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 4.3 พันล้านบาท แบบไม่เคยชูโทรฟี่ใดๆ บนเกาะอังกฤษเลย แต่หลังเขยื้อนไปอยู่ ฝ่ายเรอัล มาดริด กับเก่งหยิบแชมป์ 4 รายการ ภายใน 18 เดือน




10.จิอันฟรังโก้ โซล่า ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งเขานั้นเคยคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา เคียงข้าง ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์มาแล้วคราวค้าแข้งกับ เหล่านาโปลี ก่อนเปลี่ยนที่มาอยู่ ฝ่ายเชลซี จนถึงปี 1996 แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ศูนย์หน้าร่างเล็กพาหมู่คว้าแชมป์ 6 รายการ ยกเว้น ศึกพรีเมียร์ลีก





11.ร็อบบี่ ฟาวเลอร์ ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งดาวยิงสูงสุดอันดับ 6 ของ ศึกไฮไลท์พรีเมียร์ลีก จำนวน 162 ประตู เขานั้นมีสัญชาตญาณในการจบสกอร์ที่เยี่ยมยอด พร้อมด้วยได้พา พวกหงส์แดง คว้าโทรฟีมากมาย ทั้ง

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ลีก คัพ 2 คราว
  3. ยูฟ่า คัพ 
  4. ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 


แต่ว่าก็ไม่เคยจับถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก เลย

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: จนถึงเจอร์ราร์ด พร้อมทั้งงานพิพากษาใจ ที่พลิกผันชีวิต

ตราบใดเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต




วิเคราะห์บอลคงพูดไม่ผิดนักสมมติจักบอกเล่าว่า ภาพของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในชุดเสื้อสีอื่นที่นอกเหนือจากสีแดงเพลิงของทีมลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเหล่า Kopites ทั้งปวง

ซึ่งหมู่มวลค็อปชนนั้นไม่เคยคิดมาก่อนแม้สักเวลานาทีว่ากัปตันทีมยอดดวงใจของพวกเขานั้นจักจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่กับฝ่ายใดอีก โดยเฉพาะในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ทุกคน เชื่อ นั้นคือเจอร์ราร์ด จะอยู่กับ ฝ่ายลิเวอร์พูล สโมสรเดียวตลอดไปจนเลิกเล่นฟุตบอล มีสถานะเป็น One-man-club เป็นตัวอย่างของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่รับใช้สโมสรไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายในเกมลูกหนัง

แต่ว่าน่าเสียดายและน่าเสียใจที่สิ่งเหล่านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น ทันทีที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เตรียมประกาศการตกลงใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ที่ว่าเขาคงต้องไปจาก ถิ่นแอนฟิลด์แล้วหลังจบฤดูกาลนี้

ซึ่งความแน่นอนแล้วเจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสที่จะไปจาก ฝ่ายฟุตบอลลิเวอร์พูล มาก่อนครับ พร้อมด้วยเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงมากด้วยอย่างน้อยถึง 2 ครั้งด้วยกัน




ในครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาล 2003 - 2004
พร้อมกับ.oอีกครั้ง  ซึ่งใกล้เคียงยิ่งกว่าในช่วงหลังจบฤดูกาล 2004 - 2005 โดยทั้งสองครั้งเป็น หมู่เชลซี ที่พยายามจักเจรจาเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมคณะให้ได้ พร้อมทั้งครั้งหลังนั้นเจอร์ราร์ด ตอบตกลงด้วยวาจาไปแล้ว

แต่ว่าในคืนสุดท้ายหลังทบทวนตัวเองอย่างดี เสียงของหัวใจเอิ้นกับเขาว่า แม้การไปอยู่ พวกเชลซีจักทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะไม่มีเสื้อสีไหนนอกจากสีแดงของลิเวอร์พูล สนามใดนอกเหนือจากแอนฟิลด์ พร้อมด้วยแฟนบอลกลุ่มไหนนอกเหนือจากเหล่า กรุ๊ปเดอะ ค็อป ที่เขาต้องการรับใช้

ตัวของเจอร์ราร์ด จึงไม่ได้เป็นพางกัปตันกรุ๊ปผู้ยิ่งใหญ่

แต่ว่าเขายังเป็นผู้รับใช้สโมสรที่จงรักภักดีมากที่สุดคนหนึ่งด้วย





รวมทั้งโอกาสของความสำเร็จ กับเงินตราไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการทำให้ได้คือการนำ คณะลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการจักทำให้ได้เช่นนั้น นั่นหมายถึงการ เสียสละ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

แต่ว่าในขณะที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรซ เลือกระฉ่อนกที่จักทิ้งสโมสรอย่างคณะลิเวอร์พูลไปเพราะว่ารู้ถึง ศักยภาพ ของยักษ์หลับในอดีตว่าเป็นเรื่องยากที่จักกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ดังนั้นเจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่กล้าปฏิเสธสโมสรอย่าง กลุ่มบาเยิร์น มิวนิค พร้อมด้วย ทีมเรอัล มาดริด เพื่ออยู่ที่แอนฟิลด์ถัดจากนั้น

ก็ไม่มีใครรู้ครับว่าน้ำหนักของ ความรับผิดชอบ ที่เจอร์ราร์ด แบกรับแทนทุกคนตลอดระยะเวลา 11 ปีของการเป็นกัปตันกลุ่มนั้นหนักหนาแค่ไหน

ซึ่งมีพ่างเขาเท่านั้นที่รู้พร้อมทั้งรับไว้ด้วยความเต็มใจ เพราะว่ามิได้ปริปากใดๆไฮไลท์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้จักไม่ทำเป็นบรรลุภารกิจในการนำพาสโมสรกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้ เพราะเฉพาะกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ซึ่งทำได้ดีที่สุดพ่างแค่การเป็นรองแชมป์ 3 ครั้งในฤดูกาล
2001 - 2002
2008 - 2009
2013 - 2014

ซึ่งก็ได้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม คราวเจอร์ราร์ด เป็นคน ลื่นล้ม กับ วางธุระให้โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขาหลุดมือไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาพร้อมทั้งเหล่าเดอะ ค็อป นั้นมี ความทรงจำ ที่งดงามร่วมกันมากมาย

นับจากวันแรกที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง สู่ประตูแรกที่สวยงามในเกมกับเชฟฟิลด์ เวย์นสเดย์ ก้าวสู่การเป็นกองกลางตัวหลักของกรุ๊ป พร้อมด้วยการเป็นกัปตันคณะ

ซึ่งจาก ปาฏิหารย์ที่อิสตันบูล กับโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 2005 สู่ ปาฏิหารย์แห่งคาร์ดิฟฟ์ กับโทรฟี่เอฟเอ คัพ ในปี 2006



ดังนั้นเจอร์ราร์ด เป็นทั้งแรงบันดาลใจ ด้วยกันศูนย์รวมใจของ คณะลิเวอร์พูลตลอดมา

แต่ว่า เมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงวันที่แข้งขานั้นไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พละกำลังไม่มีเหมือนเก่า นักฟุตบอลผู้ทระนงในการเล่นอันสง่างามของตัวเองอย่างเจอร์ราร์ด ยังไม่อาจตัดใจยอมรับสภาพของตัวเองได้

ซึ่งรายได้พร้อมด้วยระยะเวลาในสาบาน 12 เดือนที่ พวกลิเวอร์พูล เพิ่งจะมอบให้ในเดือนพฤศจิกายน

- ซึ่งนี่จักเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำถามว่าเหตุใดบอร์ดบริหารhttp://sport.sanook.com/football/premierleague/จึงดำเนินการล่าช้าขนาดนี้

- และไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่าเขา นักฟุตบอลผู้เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล จักต้องตกอยู่ในฐานะตัวสำรองที่ต้องเฝ้ารอโอกาสตัวเองอย่างอดทน ไม่ใช่หรือถ้าหากลงตัวยิ่งก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ตัวถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากในความรู้สึก

ถ้าสมมตอยู่อย่างนี้ สู้จากไปเสียดีกว่า ไปค้นหาความท้าทายใหม่ในบั้นปลายของชีวิตการเล่น ไปในที่ที่เขายังศักยเป็นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งก็ไม่มีหนทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ดังนั้นนี่จึงเป็นการปลงใจ เพื่อตัวเอง ครั้งแรกและครั้งเดียวของเจอร์ราร์ด เป็นการ ตกลงใจแห่งชีวิต ที่เดอะ ค็อปทุกคนควรต้องยอมรับกับ วางธุระให้เขาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เช่นกันกับเพื่อให้สโมสรได้ก้าวเดินจากนั้นข้างหน้าไม่ต้องเสียเวลากังวลกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นเขาอีก

กับการตกลงใจครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนได้ ตระหนัก ถึงความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลคนนี้อีกครั้ง เพราะบางทีการมองจากเบื้องหน้านั้นเราอาจไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ด ได้เท่ากับการมองจากเบื้องหลังในวันที่เขาต้องไป

ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ด จักไม่ได้ลงนามในข้อสัญญาฉบับสุดท้ายที่สโมสรมอบให้ พร้อมทั้งแม้จักต้องร่ำลาจากกันไปก่อนในวันนี้

แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตารางบอลสโมสรตลอดระยะเวลา 16 ปีในการเป็นนักเตะ กับอีก 25 ปีที่ใช้ชีวิตในรั้วแอนฟิลด์ พร้อมกับ 34 ปีที่มอบทั้งกายและใจให้แก่ลิเวอร์พูล สโมสรรักแรกพร้อมด้วยรักเดียว

ถ้าต่อให้จักไม่ได้สถานะ One-man-club เหมือนเจมี่ คาร์ราเกอร์ - แล้วเจอร์ราร์ด นั้นยังคงเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งในดวงใจของเดอะค็อปชนเสมอ ในฐานะ มิสเตอร์ กรุ๊ปลิเวอร์พูล ที่ไม่มีใครเก่งทดแทนได้ตลอดกาล

ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เจอร์ราร์ด จะมอบให้แก่เดอะ ค็อป คือ สาบานใจ ที่จะบอกกล่าวกับทุกคนว่าอย่าได้เศร้าเสียใจนาน

เพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นแทบชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งปางถึงเวลา เขาจะกลับมา พร้อมทั้งจักไม่มีวันจากไปไหนอีก !!

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: ต่อว่าจักไม่ฤๅแล้วนะ!!! แต่ถ้าว่าจำต้องตาขอตรัสสักทีแล้วล่ะ

ต้องพูดถึงแล้วนะเหตุด้วย ภาษาอังกฤษสำเนียงเมียเช่า?




ซึ่งในหลาย ๆ วันที่พ้นมา ท่ามกลางกระแสวิเคราะห์บอลไทย ที่กลบทุกกระแสข่าว บนโลกออนไลน์ เสียงชื่นชม พร้อมกับร่วมกันอิ่มเอิมกับสิ่งที่เรียกว่า ความสุข ของชาวไทย คือความรู้สึกที่เราช่วยกันแชร์ต่อถึงห้วงเวลาที่แสนดีครั้งนี้

แต่ว่าส่วนตัวผม ก็เชื่อว่าหลายคนคงมีความรู้สึกว่า ตลอดสัปดาห์ที่พ้นมา มีมนุษย์อยู่หนึ่งคน ที่ทำให้ความรู้สึกของกองสนับสนุน ที่กลับมารักพร้อมด้วยศรัทธาในเกมลูกหนังตั้งคำถามว่า ผู้ชายคนนี้ มันต้องการอะไรจากสังคม

ถูกต้องแล้วครับ ผมกำลังพูดถึงการโพสข้อความลอดเฟซบุคส่วนตัวของอาจารย์จากมหาลัยดัง ที่ถูกตีแผ่แพร่และแชร์ถัดจากนั้นในวงกว้าง ถึงแนวคิดอันสุดโต่ง กับกีฬาฟุตบอล

เพราะว่าที่ผมบอกให้ทราบตรงนี้เลยนะครับ ตลอดอาทิตย์ที่ทะลุมา แม้อาจจักเห็นข้อความของอาจารย์ท่านนี้ สร้างผ่านการแชร์อย่างมากมาย แต่ผมก็คิดว่ามันก็เป็นแค่พวกทะเยอทะยานทวนกระแส พร้อมกับอยู่แค่กลุ่มเล็กๆ เผลอๆ รู้สึกไปคนเดียวด้วยซ้ำ

แต่ว่าหลายๆ คนคงอาจมีคำถามอยู่บ้างว่า ทำไม ข่าวคนนี้ถึงไม่อยู่ใน บนข่าวกีฬาผลบอลของเว็บ Sanook.com เลย

ซึ่งนั่นก็เป็นก็เพราะว่า ผมเองและพี่ๆ ในเหล่างาน มองเป็นทำนองเดียวกันว่า เราไม่ควรที่จักให้ค่า กับสิ่งที่เขาพูด

แต่ในทันทีที่โพสขบวนล่าสุด ของมนุษย์ผู้ถูกคนตามจวกกว่าค่อนประเทศ โพสตำหนิ การให้สัมภาษณ์ของ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ว่า พูดภาษาอังกฤษสำเนียงแบบเมียเช่าฝรั่งพัทยา




แค่แว๊บแรกที่ผมเห็น เสนอตามตรงว่า จุกในลำคอ พร้อมกับในสมองคิดอย่างเบาๆว่า ไอ้...มันต้องการอะไร (เว้นช่องให้เติมกันเองแล้วแต่สะดวกครับ)

และเฟซบุ๊คคือพื้นที่ส่วนตัว ใครก็ไม่ชอบใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเข้ามาดูเข้ามาอ่าน อันนี้ผมไม่เถียงซักแอะ

เพียงแต่ว่า ไอ้ประโยคที่ พูดในทำนองเหยียดหยาม กับกดคนอื่นว่าต่ำกว่าตน แบบนี้มันสมควรแล้วหรือไม่ที่จักโผล่ออกมาจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น ครูบาอาจารย์

เพราะที่ โค้ชซิโก้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อพูดภาษาอังกฤษให้สำเนียงเหมือนต้นแบบ เขาเกิดกับโตมากับฟุตบอล เส้นทางเกินกว่าครึ่งชีวิตเขาก็มาจาก ฟุตบอล

แต่ว่าภาษาอังกฤษ ที่เขาต้องพูด ก็เพราะว่าต้องการสื่อสารให้เข้าใจกับ ผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ยิงคำถามต่างๆนานา มันก็เท่านั้น

ก็อย่าลืมว่า การเข้ามารับงานโค้ช และพาเหล่าชาติไทย ก้าวขึ้นไปหยิบแชมป์อาเซียน มันคือสิ่งที่หลายคนในประเทศนี้ไม่มีโอกาสได้ทำ กับถ้าได้ทำก็ไม่รู้จักทำได้เยี่ยงเขาหรือไม่ก็เปล่า

ซึ่งการเริ่มต้นต้นวิ่งชนกับความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าใครจักทำได้ การที่เขาได้เข้ามายืนในตำแหน่งแห่งความหวัง ที่คนไทยต่างเฝ้ารอความฝันอันสูงสุด มันคือยุคบุกเบิกต้น

เพราะที่นักเตะอายุน้อย กับโค้ชอายุน้อย กำลังจะร่วมกันสร้างกรุ๊ปแห่งอนาคต อย่าให้คนเหมือนคนเดียวเข้ามาทำให้ พวกเขาห่อเหี่ยวหัวใจเลยครับ

และถ้าต่างว่าอาจารย์ท่านนี้ ที่พกดีกรีนู่นนี่นั่น คุณวิจารณ์ในศาสตร์กับวิชาที่คุณถนัด อันนี้ใครจักว่าคุณได้ ตามสบายเลยลูกเพ่

แค่แต่ที่แจ้งให้ทราบว่า

  • ชัปปุยส์ติดทีมชาติก็เพราะว่าหล่ออย่างเดียว
  • ซิโก้ไม่ควรเป็นโค้ชเพราะอายุน้อย 


ซึ่งมันชัดว่ามันย้ำเตือนว่าคุณ ดูบอลเป็นหรือไม่ไม่เป็นกันแน่

ในส่วนลูกสมุนของมนุษย์ท่านนี้ ก็เข้ามาเห็นด้วยครับอาจารย์ พร้อมด้วย ร่วมกันสรรเสริญว่าถูกต้องครับอาจารย์ ผมละ สะอิดสะเอียนจนอยากได้จะสำรอกออกมา





ด้วยเหตุด้วยกันผลคือสิ่งที่ไม่มีวันตาย ชัปปุยส์ ถ้าตัดความหล่อออกไป เขาก็ยังคู่ควรกับโปรแกรมบอลพวกชาติไทยอยู่ดี ถามว่ามันผิดด้วยเหรอ ที่ดันทะลึ่งเกิดมาหน้าตาหล่อ

ในส่วนแนวคิดว่า โค้ชที่ดีพร้อมทั้งจักประสบความสำเร็จต้องอายุ 50 ปีขึ้นไป คำตอบมีให้เห็นแน่นอนอยู่ทั่วโลก ว่าอาจารย์ท่านนี้พูดมามันใช่เหรอ

โดยที่รูปแบบและแนวทางการดำเนินชีวิตของ โค้ชซิโก้ ที่พร้อมจะเป็นแบบอย่าง ให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม กำลังถูกว่าร้ายแบบไร้ซึ่ง เหตุผล

ถึงแม้จะเป็นในวงแคบๆ ของคนจิตใจแคบและตีบตัน ผมว่ามันไม่สมควร อันนี้ใครจะเห็นต่างก็ไม่ว่ากันครับ

ก็เอาเป็นว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วมีความสุข ก็ขอให้โชคดีนะอาจารย์ ผมคนหนึ่งละที่มองตรงกันข้ามกับอาจารย์ทุกอย่างที่อาจารย์ว่ามา เฉพาะเรื่องฟุตบอลนะครับ

กับผมคงไม่ผิดใช่มั้ยที่จักเจรจาว่า คุณก็มีดีในศาสตร์ของคุณ ผมเองก็มีดีในศาสตร์ของผมเช่นกัน

เท่าแต่ว่าลูกผู้ชายอย่างผมก็ ไม่เคยแม้จะเอื้อนเอ่ย ไม่ก็วิจารณ์ ในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดเลยสักนิด

วิเคราะห์บอลวันนี้ทุกคู่  เพราะว่า บ.ส้มซิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟุตบอล:พวกเรอัลมาดริด พึงจะจัดจำหน่าย เบลใช่ไหมไม่?

ทีมเรอัลมาดริด ควรขาย เบลไม่ก็ไม่?




แฟนบอลวิเคราะห์ผลบอลกว่า 3 หมื่นกว่าคน ที่เยี่ยมชม เว็บไซต์อาส สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศสเปน เพราะว่าในหัวข้อที่เปิดให้รวมโหวตว่า แกเร็ธ เบล สมควรอยู่ราชันชุดขาวต่อเหรอไม่นั้น มีถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ที่เห็นด้วย

เพราะสืบเนื่องมาจากที่มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อย่าง เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นมีแผนจักใช้งบกะสูงถึง 120 ล้านปอนด์ หรือไม่ถ้าเทียบเป็นเงินยูโร ก็แค่ 150 ล้าน เท่านั้นเอง ในการดึงปีกชาวเวลส์ มาร่วมเหล่า

และจนกระทั่งไปสัมภาษณ์กับ หลุยส์ ฟาน ฮัล กุนซือชาวดัตช์ของ เหล่าผีแดง ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวก็เลี่ยงที่จักไม่ตอบคำถาม เขาหนีไปพึ่ง ซีอีโอของคณะว่า เขาปรารถนาจะคุยเรื่องนี้เฉพาะกับผู้บริหารของพวกเท่านั้น ไม่ใช่สื่อมวลชนใดๆ ทั้งสิ้น

พร้อมทั้งถ้าหาก เหล่าผีแดงยื่นเงินมหาศาลจำนวนเงินขนาดนั้นเข้ามาเป็นแน่แท้ๆ นั่นเท่ากับว่า จะทำลายทุกสถิติ รวมถึงสถิติ ของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมคณะ ด้วยกัน สถิติของตัวเอง ทั้งหมดอีกต่างสมมติ




ซึ่งถึงแม้ว่าจำนวนเงินดังกล่าว จักยังไม่ได้ถูกยื่นเข้ามาแท้จริงๆ จังๆ ตามข่าว แต่ทว่าแฟนบอลที่ติดตามฟุตบอลสเปน ในเว็บไซต์กีฬาอาส เกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ปรารถนาได้เงิน 150 ล้านยูโร มากกว่า แกเร็ธ เบล เสียแล้ว

และถ้าเอาเข้าแท้ตารางบอล จำนวนนี้ก็มากพอที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จะเนรมิตรอะไรในกลุ่มใหม่ก็ได้ รวมถึงชื่อสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนชื่อไปตามสปอนเซอร์อภิมหาเศรษฐี เจ้าของกลุ่มทุนปิโตรเลียมจากตะวันออกกลาง ก็อาจจักต้องแหวกประเพณีไปใช้ชื่ออื่น

เพราะที่เป็นไปได้ว่าแฟนบอลที่เห็นด้วย ตะโกรงได้เงินมารักษาประเพณีของลาลีกา ด้วยกัน ความมั่นคงของสโมสรกรุ๊ปฟุตบอลในสเปนมากกว่า จักรั้งซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งไว้

หรือไม่นั่นอาจเป็นแฟนบอลกรุ๊ปอื่นๆ ที่หมายจักให้ เบล ไปจาก คณะเรอัล มาดริด นั่นแปลว่า เขาหิวจักให้ กลุ่มราชันชุดขาว เหโจษจันแค่ โรนัลโด้ ทางฝั่งซ้ายเท่านั้น จักทำให้กองหลังคณะอื่นๆ งานเบาขึ้นท่วมท้น




แต่นั่นก็จะมีเบล หรือ ไม่มีเบล เพราะกรุ๊ปเรอัล มาดริด ก็เคยเอาตัวรอดมาได้แล้ว ในช่วงที่ปีกพญาวานรบาดเจ็บ ในนัดที่ไปเยือนอัลเมเรีย รวมถึงนัดที่เปิดบ้าน กลับมาชนะ เหล่าบาร์เซโลน่า 3-1 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ทะลวงมา

เพราะที่นักเตะอย่าง อิสโก้ กับ ฮาเมส โรดริเกซ ก็ศักยเล่นเป็นตัวในก็ได้ ไม่ก็ริมเส้นก็ดี คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้สองคนนี้ เล่นแทนได้อย่างไม่เขอะเขิน แม้คุณภาพความเร็ว จักเป็นรอง แกเร็ธ เบล พอสมควร

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้ง อิสโก้ พร้อมกับ ฮาเมส มีประโยชน์กับเกมแถวๆ ตรงกลางมากกว่า ที่จะให้ไปกระชากพร้อมทั้งวิ่งที่ริมเส้น เพราะว่าคราใดที่ ลูก้า โมดริช เจ็บ สองคนนี้รักษาสมดุลตรงกลางสนามได้อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ สมมุติต้องมีคนใดคนหนึ่งมาแทนเบลแบบตายตัวแล้ว ตรงกลางสนามจะควบคุมเกมกันไม่ได้อย่างที่เป็นทุกวันนี้

ในบางครั้งที่ ตัวของเบนเซม่า นั้นบาดเจ็บ ส่วนฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เฮอร์นานเดซ อาจจะเล่นไม่ได้มาตรฐานกับเฟรนช์แมน แกเร็ธ เบล ยังเป็นได้ไปเล่นหน้าเป้าได้ด้วยซ้ำ เหมือนที่ทำกับกลุ่มชาติเวลส์




ซึ่งสมมติ กลุ่มเรอัล มาดริด นั้นต้องการจะขายนักเตะเพื่อจำนวนเงินมหาศาลเป็นแน่แท้ๆ นักเตะที่พวกเขาไม่ใช้ อย่าง

  • คาเซมิโร่
  • อาเซียร์ อิญาร์ราเมนดี้ 

นั้นควรจะอยู่ในบัญชีนี้มากกว่าอีก อย่างน้อยๆ สองคนนี้ ต้องเข้ากระเป๋าสัก 30 ล้านยูโร

ด้วยกันเพื่อฟาบิโอ โคเอ็นเทรา พร้อมด้วย ราฟาเอล วาราน ก็เนื้อหอมใช่ย่อย อาจเรียกค่าได้สูงๆ จากสองแข้งแนวรับนี้แน่นอน

หลังจากที่ตัวผมเกริ่นมาทั้งหมด ในการยอมขายพวกตัวรับ มากกว่าที่จะให้ เบล ออกจาก ฝ่ายเรอัล มาดริดไปแท้ๆ คงหนีไม่พ้นเกมรุกที่เอ็นเตอร์เทนแฟนบอลได้อย่างดีของพวกเขา

เพราะว่าที่แกเร็ธ เบล ได้ลงพร้อม กับ ตัวโรนัลโด้, กับฮาเมส ด้วยกัน อิสโก้ เห็นๆ กันอยู่ว่าโคตรหลากหลาย เกมรับจักเป็นยังไงผมไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ ก็เพราะว่าฟุตบอลสมมตจะเสียประตูบ้าง ผมมองว่ามันเป็นสีสัน

ในการทำประตูเป็นจุดขายของ ลาลีกา มานานแล้ว กว่า 1045 ประตูในซีซั่น 2013-2014 เป็นรอง พรีเมียร์ลีก แค่พ่าง 7 ประตูเท่านั้นในซีซั่นเดียวกัน




ก็เพราะว่าฉะนั้นนี่คือลีกฟุตบอล ที่เน้นเกมรุกที่เร้าใจ ไม่ว่าคณะเล็กๆ อย่าง หมู่เออิบาร์ และหมู่ดาวรุ่งอย่าง คณะบีญาร์เรอัล พวกเขาก็ไม่เคยคิดจักเล่นรับกันเลยแม้เจอกับฝ่ายใหญ่ ทำให้ผมชอบนักเตะเกมรุก มากกว่าเกมรับเป็นแน่แท้

แล้วเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของ พวกเรอัล มาดริด มีคลาสเหล่าที่ไม่เป็นรองใครในโลก แม้มีเหล่าใดจะมาซื้อนักเตะที่พวกเขาใช้งานอยู่ไป นั่นหมายความว่าต้องเป็นทีมที่ดีกว่า หมู่เรอัล มาดริด เท่านั้นหรือไม่ก็เปล่า

นั่นมันเหมือนหยามหน้า ยอดกรุ๊ปเบอร์หนึ่งของโลกเวลานี้ชัดๆ

พร้อมทั้งถ้าหากผมเป็นประธาน กลุ่มเรอัล มาดริด แล้วมีข้อเสนอยื่นมาแท้ 200 ล้านปอนด์ผมก็ไม่ขาย แล้วทำให้เป็นข่าวออกสื่อด้วย นอกจากจักได้ใจแฟนบอลที่ตามสนับสนุนเรอัล ก็เพราะว่าซูเปอร์สตาร์แล้ว

ทั้งยังเพิ่มระดับความไฮเอนด์ให้กับคณะเป็นทวีคูณ เพราะว่านี่คือ ฝ่ายเรอัล มาดริด ชุดสีขาว ที่นักบอลใคร่ได้ใส่กันนักกันหนายังไงเล่า

Palm